อย่าตระหนก แค่เพียงน้ำหวานหกใส่พรม

พรม!! มักจะได้รับผลกระทบจากคราบน้ำหวานหกหรือกระเด็นใส่เป็นประจำอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ด้วยการจัดการกับคราบน้ำหกเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว คุณจะสามารถขจัดคราบที่เกิดจากเครื่องดื่มหรืออาหารได้อย่างหมดจดทันที แต่จะเป็นอย่างไรหากปล่อยให้คราบนั้นเกาะตัวเป็นเวลาหลายวันก่อนที่เราจะเริ่มทำความสะอาด

การพบคราบที่สะสมมาหลายวันไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก แม้ว่าอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิมสักเล็กน้อยในการขจัดคราบออกไป ตามที่ Marty Jollette รองประธานฝ่ายฝึกอบรมและปฏิบัติการของ Renue
Systems ผู้ให้บริการทำความสะอาดชั้นนำกล่าวไว้ว่า

“หากคุณพบคราบบนพรมสังเคราะห์หรือขนสัตว์ทันที น้ำเย็นมักจะช่วยขจัดคราบได้เกือบหมด” Jollette กล่าว “หากคราบนั้นเกาะตัวแล้ว คุณจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการขจัดออก”

ขจัดคราบที่เกิดขึ้น

ไม่น่าแปลกใจที่คราบจากอาหารและเครื่องดื่ม เช่น กาแฟและไวน์แดง มักพบได้บ่อยในสถานประกอบการ “เราเห็นเครื่องดื่มหกเยอะมาก” จอลเล็ตต์กล่าว “เรายังเห็นปัสสาวะของสัตว์เลี้ยงค่อนข้างมากด้วย เพราะโรงแรมต่างๆ รองรับผู้ที่เดินทางพร้อมสุนัข”

หากการล้างพรมด้วยน้ำเย็นไม่ได้ผล จอลเล็ตต์แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้สารเคมีขจัดคราบ เช่น สารออกซิไดเซอร์และตัวรีดักชัน สารออกซิไดเซอร์จะเพิ่มออกซิเจนให้กับคราบ และตัวรีดักชันจะกำจัดออกซิเจน “หากวิธีหนึ่งไม่ได้ผล คุณสามารถลองใช้วิธีอื่นได้” จอลเล็ตต์กล่าว

สารเคมีเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการขจัดแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้อาหารและเครื่องดื่มหลายๆ ชนิดมีสี สำหรับคราบฝังแน่น ให้ลองใช้วิธีการถ่ายเทความร้อนหลังจากใช้สารเคมีแล้ว: วางผ้าเช็ดทำความสะอาดสีขาวชื้นทับบนคราบ จากนั้นวางเตารีดผ้าที่ตั้งค่าสูงสุดไว้บนผ้าเป็นเวลา 30 วินาที ความร้อนจะดึงคราบจากพรมเข้าไปในผ้า

วิธีการถ่ายเทความร้อนนี้ยังใช้กับสีย้อมกรดที่ใช้ในกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน เพื่อแทนที่สีจากแทนนินในคาเฟอีน

คราบบนพรมจากของเหลวยังพบได้ทั่วไปในโรงแรมและสถานที่ให้บริการอื่นๆ กระบวนการขจัดคราบที่อธิบายไว้ข้างต้นจะใช้ได้ผลกับคราบเหล่านี้ “เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับกระบวนการนี้
เมื่อเราได้รับโทรศัพท์ให้จัดการกับคราบที่ติดอยู่บนพรมมาระยะหนึ่ง” จอลเล็ตต์กล่าว

สารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นด่างสามารถขจัดคราบอินทรีย์ที่มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ เช่น เลือดและปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับเลือด จอลเล็ตต์ใช้ขั้นตอนเพิ่มเติมด้วยการใช้สารฆ่าเชื้อที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) ก่อนและหลังการทำความสะอาดคราบเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่แพร่ทางเลือด

ทำความสะอาดเกินพื้นผิว

บางครั้งการขจัดคราบอาจซับซ้อนเนื่องจากสารกำจัดคราบซึมผ่านพื้นผิวพรมเข้าไปในแผ่นรองพรมหรืออาจลึกกว่านั้น “หากแม่บ้านไม่เห็นคราบเป็นเวลาหนึ่งวันหรือมากกว่านั้น คราบอาจซึมเข้าไปในคอนกรีตใต้แผ่นรองพรมจนหมด” จอลเล็ตต์กล่าว

ในกรณีเช่นนี้ หลังจากทำให้คราบบนพื้นผิวเปียกด้วยสารเคมี จอลเล็ตต์แนะนำให้ฉีดสารเคมีลงในพรมทุกชั้นจนถึงพื้นด้านล่างโดยใช้เข็มฉีดยาขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อทำความสะอาด “ฉีดสารเคมีลงไป ให้สารเคมีได้ทำหน้าที่ของมัน จากนั้นล้างด้วยน้ำโดยใช้ไม้ฉีดพรม เครื่องมือสำหรับเบาะ หรือเครื่องมือใดๆ ที่คุณใช้ฉีดน้ำ” เขากล่าว

หลังจากล้างคราบแล้ว ให้ติดกรงเล็บน้ำ (ตัวยกใต้ผิว) ที่ปลายท่อดูดฝุ่น เครื่องมือนี้จะเพิ่มแรงยกของเครื่องดูดฝุ่น ทำให้ดูดน้ำและสารเคมีออกจากพื้นได้
และดึงคราบออกจากพรมและแผ่นรองพรม

Jollette เน้นย้ำถึงความสำคัญของการขจัดคราบสกปรกที่อยู่นอกพื้นผิว หากคราบสกปรกยังคงอยู่ในแผ่นรองพรม คราบสกปรกอาจกลับมาปรากฏบนพรมอีกครั้งหลังจากที่แห้ง แม้ว่าคราบสกปรกจะดูเหมือนหายไปแล้วในครั้งแรกที่คุณทำความสะอาดพรม การปรากฏซ้ำนี้เรียกว่าการดูดซับความชื้น

“คุณสามารถลดโอกาสที่คราบสกปรกจะซึมเข้ามาหรือขจัดคราบสกปรกออกไปได้โดยการทำความสะอาดคราบสกปรกทุกชั้น” เขากล่าว

จัดการกับคราบทั่วไปอื่นๆ และกลิ่นของมัน

คราบน้ำมัน เช่น คราบที่เกิดจากสีทาบ้าน ลิปสติก ขี้ผึ้งเทียน และหมากฝรั่ง เป็นสาเหตุอื่นๆ ที่มักพบได้บนพรม ควรขจัดคราบเหล่านี้ด้วยตัวทำละลายซึ่งจะช่วยสลายน้ำมันและไขมัน

คราบอีกประเภทหนึ่งที่ Jollette พบเห็นบ่อยคือสีย้อมผม น่าเสียดายที่ความพยายามในการทำความสะอาดคราบเหล่านี้ไม่ได้จบลงอย่างมีความสุขเสมอไป

“เราประสบปัญหามากมายกับผู้ชายที่ย้อมผมในโรงแรม เพราะพวกเขาไม่กล้าย้อมผมที่บ้านเพราะคราบสกปรก” Jollette กล่าว “สีย้อมผมอาจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับเรา เราสามารถขจัดคราบออกไปได้ในระดับหนึ่ง แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขจัดออกได้หมด”

นอกจากคราบสีจะทิ้งเอาไว้แล้ว คราบต่างๆ ยังทิ้งกลิ่นไว้ด้วย “เมื่อเราพบงานในห้องจัดเลี้ยงที่มีถาดอาหารขนาดใหญ่หก เราก็ไม่ได้แค่กำจัดคราบเหล่านั้นเท่านั้น
แต่ยังกำจัดกลิ่นได้ด้วย” จอลเล็ตต์กล่าว

จอลเล็ตต์แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นกับคราบอาหารที่ติดแน่นหรือมีกลิ่นแรงเป็นพิเศษ “ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นบางชนิดไม่เพียงแต่ช่วยกลบกลิ่นเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยสารออกซิไดซ์ที่เปลี่ยนองค์ประกอบโมเลกุลของโมเลกุลของกลิ่นด้วย” เขากล่าว

อย่าประมาทน้ำ

บางครั้งการทำความสะอาดที่มากเกินไปอาจทำให้สีย้อมหลุดออกจากพรมได้ “หากคุณทำมากเกินไป โดยเฉพาะกับกระบวนการถ่ายเทความร้อน คุณอาจทำลายเส้นใยพรมและสีก็หลุดออกไป คุณจะต้องใช้สีย้อมเพื่อให้สีกลับมาเหมือนเดิม” จอลเล็ตต์กล่าว

คุณอาจหลีกเลี่ยงการทำลายพรมได้หากขั้นตอนแรกในการขจัดคราบคือการลองใช้น้ำเย็น “พวกเขาเรียกน้ำว่าตัวทำละลายตามธรรมชาติ ซึ่งละลายสารได้มากกว่าของเหลวอื่นๆ”

จอลเล็ตต์กล่าว

แม้ว่าคราบที่ฝังแน่นจะต้องใช้สารเคมีช่วยก็ตาม ขั้นตอนสุดท้ายควรเป็นการล้างบริเวณที่มีคราบด้วยน้ำปริมาณมากเสมอ

“เมื่อคุณอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ คุณสามารถใช้สารเคมีได้นับล้านชนิด แต่ส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่ชนิด เช่น สารออกซิไดเซอร์ ตัวรีดักชัน ด่าง กรด และตัวทำละลาย”

จอลเล็ตต์กล่าว “คุณควรล้างคราบด้วยน้ำเสมอหลังจากโรยสารเคมีลงไป จากนั้นจึงใช้เครื่องสกัดน้ำออกจากพรม”

อย่าปล่อยให้คราบบนพรมฝังลึก Hoover Clean Slate Plus ให้การทำความสะอาดพรมของคุณเป็นเรื่องง่าย สบายๆ

สนใจคลิกที่รูปได้เลยครับ!!